วันพุธที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

บทที่9 เรื่องจริยธรรมและความปลอดภัย

บทที่9
จริยธรรมและการรักษาความปลอดภัย
จริยธรรม
คำจำกัดความของจริยธรรมมีอยู่มากมาย เช่น
➽ หลักของศีลธรรมในแต่ละวิชาชีพเฉพาะ
➽ มาตรฐานของการประพฤติปฏิบัติในวิชาชีพที่ได้รับ
➽ ข้อตกลงกันในหมู่ประชาชนในการกระทำสิ่งที่ถูกและหลีกเลี่ยงการกระทำสิ่งที่ผิด 
➽ อาจสรุปได้ว่าจริยธรรม (Ethics) หมายถึง หลักของความถูกและความผิดที่บุคคลใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติ
จริยธรรมคอมพิวเตอร์ 
Image result for จริยธรรมคอมพิวเตอร์Image result for จริยธรรมคอมพิวเตอร์Image result for จริยธรรมคอมพิวเตอร์ Image result for จริยธรรมคอมพิวเตอร์

จริยธรรม หมายถึง "หลักศีลธรรมจรรยาที่กำหนดขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติหรือควบคุมการใช้ระบบคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ" ในทางปฏิบัติแล้วการระบุว่าการกระทำสิ่งใดผิดจริยธรรมนั้นอาจกล่าวได้ไม่ชัดเจนมากนักทั้งนี้ย่อมขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมของสังคมในแต่ละประเทศด้วย 
 ตัวอย่างของการกระทำที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าเป็นการกระทำที่ผิดจริยธรรม
     ➲ การใช้คอมพิวเตอร์ทำร้ายผู้อื่นให้เกิดความเสียหายหรือก่อความรำคาญ 
     ➲ การใช้คอมพิวเตอร์ในการขโมยข้อมูล
     ➲ การเข้าถึงข้อมูลหรือคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต
     ➲ การละเมิดลิขสิทธิ์
จริยธรรมเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 
Related image
1. ความเป็นส่วนตัว (Information Privacy)
     หมายถึง สิทธิส่วนตัวของ บุคคล หน่วยงาน หรือองค์กร ที่จะตัดสินว่าสารสนเทศดังกล่าวสามารถ เปิดเผยหรือยินยอมให้ผู้อื่นนำไปใช้ประโยชน์ต่อหรือเผยแพร่ได้หรือไม่การละเมิดความเป็นส่วนตัว เช่น
           🔼 การเข้าไปดูข้อความของผู้อื่นที่บันทึกในเครื่องคอมพิวเตอร์
           🔼 การใช้เทคโนโลยีในการติดตามความเคลื่อนไหวหรือพฤติกรรมของบุคคล 
           🔼 การใช้ข้อมูลของลูกค้าจากแหล่งต่างๆ เพื่อผลประโยชน์ในการขยายตลาด
           🔼 การนำหมายเลขโทรศัพท์ที่อยู่อีเมล์หมายเลขบัตรเครดิต และขอมูลส่วนตัวอื่นๆ ขายใหกับบริษัทอื่น
2. ความถูกต้อง (Information Accuracy) หมายถึง จริยธรรมสำหรับผู้ที่ทำหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลหรือนำเสนอข้อมูลต่างๆ ควรตระหนักอยู่เสมอว่าข้อมูลการนำเสนอนั้น ควรเป็นข้อมูลที่มีการกลั่นกรองและตรวจสอบความถูกต้อง มีความแม่นยา และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้โดยไม่ส่งกระทบกับผู้ใช้งานด้วย
3. ความเป็นเจ้าของ (Intellectual Property) หมายถึงกรรมสิทธิ์ในการถือครองทรัพย์ ซ่ึ่งอาจเป็นทรัพย์สินทั่วไปที่จับต้องได ้ เช่น คอมพิวเตอร์หรืออาจเป็นทรัพย์สินทางปัญญา (ความคิด) ที่จับต้องไม่ได้ เช่น บทเพลง โปรแกรมคอมพิวเตอร์แต่สามารถถ่ายทอดและบันทึกลงในสื่อต่างๆได้ เช่น สิ่งพิมพ์ เทป ซีดีรอม เป็นต้นิ
สิทธิการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน (Property rights) สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา มี 3รูปแบบคือ
           ⧭ เครื่องหมายการค้า (Trademark)
           ⧭ ลิขสิทธ์ (Copyright)
           ⧭ สิทธิบัตร (Patent)
4. การเข้าถึงข้อมูล(Information Accessibility) หมายถึง ข้อมูลที่มีการเผยแพร่และแลกเปลี่ยนกันอย่างแพร่หลายนั้น อาจจะมีการกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ต่างระดับ โดยผู้ทำหน้าที่ดูแลระบบจะเป็นผู้กำหนดสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลว่าใครควรใช้งานในระดับใด เพื่อรักษาความลับและความปลอดภัยของข้อมูล
พรบ. คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
Image result for พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
ประเด็นทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์
    ⧪ คอมพิวเตอร์สีเขียว (Green Computer) เกี่ยวข้องกับการใช้คอมพิวเตอร์ในลักษณะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ Energy Star เป็นสินค้าที่ช่วยลดการใช้พลังงาน
    ⧪ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ (e-Waste หรือ e-Trash) เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์เคลื่อนที่ แผ่นซีดี/ดีวีดี เป็นปัญหาใหญ่ที่นานาประเทศกำลังเฝ้าระวังดังนั้นควรมีการคัดแยกขยะโดยไม่นำไปรวมกับขยะชนิดอื่นๆ เพื่อนำไปกำจัดได้ถูกวิธี
     ⧪ ลดการใช้ (Reduce) หากต้องการซื้ออุปกรณ์ชิ้นใหม่ให้คิดให้ถี่ถ้วนก่อนวาจำเป็นต้องซื้อหรือไม่ ถ้าซื้อแล้วเก็บหรือไม่ได้ใช้งาน ก็ไม่ควรซื้อ
     ⧪ การใช้ซ้ำ (Reuse) โดยนำอุปกรณ์ที่เสียมาซ่อมแซมจนสามารถใช้งานได้ หรืออาจนำไปให้กับคนที่ขาดแคลนนำไปใช้ต่อ
     ⧪ นำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) เป็นการนำชิ้นส่วนที่ยังพอมีประโยชน์ แล้วนำไปผ่านกระบวนการเพื่อกลายเป็นวัตถุดิบที่สามารถนำไปใช้ผลิตอุปกรณ์อื่นได้อีกต่อไป
ความปลอดภัยของระบบสารสนเทศ
เป้าหมายหลักในการรักษาความปลอดภัยของระบบสารสนเทศ
     ⧫ ลดความเสี่ยงและการหยุดชะงักจากการปฏิบัติกับระบบที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ
     ⧫ รักษาสารสนเทศที่เป็นความลับ
     ⧫ มั่นใจต่อความสามารถในการป้องกันข้อผิดพลาดและความเชื่อมั่นในทรัพยากรข้อมูล
     ⧫ มั่นใจต่อนโยบายเพื่อคุ้มครองและความปลอดภัยตามกฎหมายและความเป็นส่วนตัว
ความเสี่ยงที่มีต่อระบบสารสนเทศ
ดาวน์ไทม์ (DownTime) คือ ช่วงเวลาที่ระบบหยุดทำงาน โดยผู้ใช้ไม่สามารถใช้งานระบบสารสนเทศและไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลในระบบได้จนกว่าจะมีการแก้ไขให้ระบบกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม
ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เป็นความเสี่ยงในระบบสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับไฟไหม้น้ำท่วมแผ่นดินไหว พายุฟ้าแลบและฟ้าผ่าซ่ึงส่งผลต่อความเสียหายในอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
การถูกก่อกวนและทำลายโดยคน เป็นการถูกทำลายด้วยความจงใจโดยน้ำมือมนุษย์ด้วยการมุ่งทำลายอุปกรณ์ให้เกิดความเสียหาย
การขโมยหมายเลขบัตรเครดิต เมื่อบัตรเครดิตหายหรือถูกขโมยเจ้าของต้องรีบแจ้งระงับการใชบัตรทันทีและเมื่อต้องการซื้อสินค้าและชำระเงินด้วยบัตรเครดิตผ่านทางอินเทอร์เน็ตจะต้องแน่ใจว่าระบบมมีการรักษาความปลอดภัย
Identity Theft เป็นการสวมรอยความเป็นตัวคุณด้วยการขโมยข้อมูลส่วนตัว เช่น รหัสประจำตัวผู้ใช้และรหัสผ่านของผู้อื่นไปดำเนินธุรกรรมทางการเงินหรือเรื่องอื่นๆที่สื่อในทางทุจริตและเสื่อมเสีย
Image result for ไวรัสคอมพิวเตอร์Phishing เป็นการหลอกเหยื่อให้คลิกเข้าไปยังเว็บไซต์ของตน ซึ่งเป็นเว็บไซต์ปลอม หากเหยื่อหลงกลด้วยการลงทะเบียนและกรอกข้อมูลส่วนตัวลงไป โดยเฉพาะข้อมูลทางการเงินผ่านเว็บไซต์ปลอมแห่งนี้ข้อมูลสำคัญของท่านก็จะถูกลักลอบนำไปใช้ในทางที่ผิด
Sniffing การใช้ซอฟต์แวร์ในการดักจับข้อมูลที่ส่งไปมาในระบบเครือข่าย
ไวรัสคอมพิวเตอร์ เป็นโปรแกรมขนาดเล็กที่สามารถแฝงเข้าไปกับไฟล์ข้อมูลต่างๆเมื่อไวรัสคอมพิวเตอร์ติดเข้าไปในเครื่องแล้วจะทำให้คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นเกิดปัญหาต่างๆนานาจากการใช้งาน
การรักษาความปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์
Image result for การรักษาความปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์     🔜 การติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัส
     🔜 การใช้ระบบไฟร์วอลล์
     🔜 การจำกัดสิทธิ์การเข้าถึง
     🔜 การเข้ารหัสข้อมูล
     🔜 การสำรองข้อมูล
     🔜 ใบรับรองดิจิตอล








บทที่8 เรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศเบื้องต้น

บทที่8
เทคโนโลยีสารสนเทศเบื้องต้น

วัตถุประสงค์
Image result for เทคโนโลยีสารสนเทศเบื้องต้น1. สามารถอธิบายระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการได้
2. สามารอธิบายระบบประมวลผลรายการได้
3. สามารถอธิบายระบบสนับสนุนการตัดสินใจได้
4. สามารถอธิบายระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหารระดับสูงได้
5. สามารถบอกผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศได้

เทคโนโลยีสารสนเทศ
➤ สารสนเทศ (Information) หมายถึงข่าวสารที่ได้จากการนำข้อมูลดิบ (Raw data) มาคำนวณทางสถิติหรือประมวลผลอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งข่าวสารที่ได้ออกมานั้นจะอยู่ในรูปที่สามารถนำไปใช้งานได้
➤ เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง กระบวนการต่างๆ และระบบงานที่ช่วยให้ได้สารสนเทศที่ต้องการโดยจะรวมถึง
                    ➤ เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์โทรคมนาคม
                    ➤ กระบวนการ(ในการนำเครื่องมือใช้งาน รวบรวม จัดเก็บ ประมวลผลเป็นสารสนเทศในรูปแบบต่างๆ)

ลักษณะที่ดีของสารสนเทศ
Image result for ลักษณะที่ดีของสารสนเทศ
1. มีความถูกต้องชัดเจน
2. ตรงกับความต้องการ
3. มีความกะทัดรัด ปริมาณพอเพียง
4. เป็นปัจจุบันทันสมัย
5. สะดวก รวดเร็ว ทันต่อการใช้งาน
6. เชื่อถือได้
7.เป็นระบบต่อเนื่องในการนำมาใช้

กระบวนการของระบบสารสนเทศ
1. ขั้นเก็บข้อมูล
2. ขั้นวิเคราะห์ข้อมูล
3. ขั้นรายงาน
4. ขั้นเผยแพร่
5. ขั้นนำไปใช้

ระบบสารสนเทศในปัจจุบัน
รูปแบบโครงสร้างโมเดลขององค์กรตามลำดับชั้้น
ระดับปฏิบัติการ 
          - จะเกี่ยวข้องกับระบบสารสนเทศในฐานะเป็นผู้จัดหาข้อมูลเข้าสู่ระบบ
⏯ ระดับวางแผนปฏิบัติการ
           - จะเป็นผู้บริหารขั้นต้นมีหน้าที่ควบคุมการปฏิบัติงานประจำวันและวางแผนบริหารงานที่มีระยะเวลาสั้นๆ
⏯ ระดับวางแผนการบริหาร
          - จะเป็นผู้บริหารระดับกลางมีหน้าที่ในการวางแผนให้บรรลุเป้าหมายต่างๆตามที่ผู้บริหารระดับสูงกำหนดมา
 ระดับวางแผนยุทธศาสตร์ระยะยาว
          - จะเป็นผู้บริหารระดับสูงสุดจะเน้นในเรื่องเป้าประสงค์ขององค์กรและการวิเคราะห์แนวโน้มในอนาคต(Trend Analysis)

ระบบประมวลผลรายการ (TPS : Transaction Processing System หรือ Data Processing System : DP)
Image result for เจ้าหน้าที่ในสนามบิน
เป็นระบบสารสนเทศที่เกี่ยวกับการบันทึกและประมวลข้อมูลที่เกิดจากธุรกรรมหรือการปฏิบัติงานขั้นพื้นฐานขององค์การ เช่น การบันทึกการซื้อขายสินค้า การบันทึกวัสดุคงคลังเพื่อเป็นสารสนเทศที่ป้อนข้อมูลเข้าสู่ระบบสารสนเทศที่ใช้ในการตัดสินใจอื่น ๆ เช่น เจ้าหน้าที่การป้อนข้อมูลในระบบการจองตั๋วเครื่องบิน


 ลักษณะสำคัญของ TPS / DP
     ➥ จะให้สารสนเทศสำหรับระดับปฏิบัติการเท่านั้น
     ➥ มีการใช้งานแยกจากกันในแต่ละฝ่าย
     ➥ ไม่มีความยืดหยุ่น ความซับซ้อนในการคิดคำนวณมีน้อย
     ➥ กระบวนการประมวลผลข้อมูลมีการดำเนินการเป็นประจำ เช่น ทุกวัน ทุกสัปดาห์
     ➥ ไม่ตอบสนองทันทีทันใดต้องรอให้ถึงเวลาสรุป
     ➥ การประมวลผลรวดเร็วเนื่องจากมีปริมาณข้อมูลจำนวนมาก
     ➥ ต้องมีการประมวลผลที่มีความน่าเชื่อถือ

ตัวอย่างระบบประมวลผลรายการ (TPS)แบบออนไลน์

Image result for ตัวอย่างระบบประมวลผลรายการ (TPS)แบบออนไลน์

ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (MIS:Management 
Information System)
MIS เป็นระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการที่ช่วยในการเตรียมรายงานเพื่อให้ผู้บริหารทั้งระดับกลางและระดับสูง ใช้ในการควบคุมการปฏิบัติงาน สามารถใช้สารสนเทศที่มาจัดการปัญหาแบบโครงสร้าง เช่นการวิเคราะห์ความผิดพลาดรายงานส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของรายงานสรุปจากการปฏิบัติงานที่ส่งต่อจากTPS
➦ ลักษณะสำคัญของ MIS
Image result for ลักษณะสำคัญของ MIS          - ควบคุม/ตรวจสอบการดำเนินงาน   
          - วางแผนนโยบายกลยุทธ์
          - ตัดสินใจของผู้บริหาร
          - มีการทำงานแบบโครงสร้าง
     ข้อมูลอาจมาจากฐานข้อมูลของระบบประมวลผลรายการมาสรุปเปรียบเทียบทำสถิติวิเคราะห์เป็นรายงานตามระยะเวลาที่กำหนด หรือจัดทำตามความต้องการ เป็นต้น

ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ (DSS :Decision Support Systems)
DSS เป็นระบบสารสนเทศที่ช่วยในการตัดสินใจนำมาใช้ในการวิเคราะห์ปัญหาซ่ึ่งมีลักษณะโครงสร้างไม่ชัดเจนและแบบก่ึ่งโครงสร้างซ่ึ่งมีลักษณะแตกต่างจากระบบ TPS และ MIS ซึ่งเป็นแบบโครงสร้างเพื่ิอช่วยในการตัดสินใจภายใต้ผลสรุปและการเปรียบเทียบข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ ทั้งภายในและภายนอกองค์กรโดยเฉพาะการตัดสินใจที่ไม่ได้คาดไว้ล่วงหน้า เช่น การตัดสินใจขยายโรงงาน เป็นต้น
⇏ ลักษณะเด่นของ DSS

Related imageสามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
- มีข้อมูลและแบบจำลองสำหรับสนับสนุนการตัดสินใจที่เหมาะสม
 และสอดคล้องกับลักษณะของปัญหา
- มีความยืดหยุ่นที่จะสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป
- เป็นแผนยุทธศาสตร์ที่กำหนดทิศทางและวางแผนในอนาคต
- เพื่อกำหนดเป้าหมายนโยบายและวตัถุประสงค์ขององค์การ




ระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหารระดับสูง (EIS :Executive 
Information Systems)
EIS ระบบสารสนเทศโดยเฉพาะสำหรับผู้บริหารระดับสูง เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจในปัญหาแบบไม่มรโครงสร้าง โดยเป็นข้อมูลที่มีเชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อมภายนอกในและภายนอกองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการเป้าหมายทางกลยุทธ์
⇏ ลักษณะเด่นของ EIS
          - การใช้งานไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์
          - นำข้อมูลจากภายในองค์กรและจากภายนอกมาจัดทำข้อสรุป
          - เรียกใช้ได้ง่ายอย่างรวดเร็วดูเข้าใจง่าย
          - ตัวอย่างของรายงาน เช่น รายงานเกี่ยวกับการเงินและสถานภาพทางธุรกิจของบริษัท
ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert Systems)
ระบบคอมพิวเตอร์ที่จำลองการตัดสินใจของมนุษย์ผู้เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านใดด้านหนึ่ง โดยใช้ความรู้และการสรุปเหตุผลเชิงอนุมาน (inference)ในการแก้ปัญหายากๆที่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ
⇏ ลักษณะของ EIS 
          - เกี่ยวข้องกับการจัดการความรู้(Knowledge) มากกว่าสารสนเทศ
          - ใช้หลักการทำงานด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) เช่น Neural Network
          - ช่วยลดการพ่ึ่งพาบุคคลใดบุคคลหน่ึ่งโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เก็บข้อมูลและกฎเกณฑ์ของความรู้ ซึ่งรวบรวมจากสาขาวิชาที่ต้องการความเชี่ยวชาญไว้ในฐานความรู้ (knowledge base) และโปรแกรมจะดำเนินการเมื่อมีการป้อนข้อมูล โดยผู้ใช้ในลักษณะการถามตอบและประมวลคำตอบเพื่อหาข้อสรุป เช่น Neural Network เป็นระบบปัญญาประดิษฐ์ประเภทหนึ่งมีความสามารถในการเรียนรู้เพราะว่าได้ถูกออกแบบมาเหมือนสมองมนุษย์และเรียนรู้รูปแบบแลความสัมพันธ์ของข้อมูลต่างๆ
⇏ ตัวอย่างของ (Expert Systems) ที่นำไปใช้ในงานด้านต่าง 
          1) ด้านการแพทย์ : การให้คำแนะนำแก่หมอในการสั่งยาปฏิชีวนะให้คนไข้ ซึ่งต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆหลายประการ เช่น ประวัติการเจ็บป่วยของคนไข้แหล่งติดเชื้อราคาของยา
          2) ด้านการผลิต : การให้คำแนะนำแก่โรงงานในการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ชิ้นส่วนเครื่องบิน
          3) ด้านธรณีวิทยา : ให้คำแนะนำแก่นักธรณีวิทยาในการวิเคราะห์ดินและน้ำมัน เพื่อพิจารณาในการขุดเจาะน้ำมัน
          4) ด้านกระบวนการผลิต : ให้คำแนะนำในการกำหนดตารางเวลาในกระบวนการผลิต (ExpertSystems Scheduling) ซึ่งทำให้บริษัทสามารถปรับตารางเวลาการการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการในการเปลี่ยนแปลงการผลิตหรือเงื่อนไขของโรงงานที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
          5) ด้านกระบวนการทำงานของบริษัทบัตรเครดิต : ใช้ ES ช่วยในกระบวนการทำงานตั้งแต่การประมวลการสมัครของลูกค้าการอนุมัติเครดิต การรวมบัญชีที่ค้างชำระเกินกำหนด ES ที่ใช้ระบบนี้เรียก
ว่าAuthorization Assistant และทำให้บริษัทประหยัดเงินได้หลายล้านดอลล่าร์ในแต่ละปี

ภาพหุ่นยนต์ช่วยมนุษย์ทำงานและเป็นเพื่อนกับมนุษย์

Related image     Image result for ภาพหุ่นยนต์ช่วยมนุษย์ทำงานและเป็นเพื่อนกับมนุษย์   Image result for ภาพหุ่นยนต์ช่วยมนุษย์ทำงานและเป็นเพื่อนกับมนุษย์

ภาพหุ่นยนต์ช่วยมนุษย์ทำงานที่เสี่ยงอันตราย

Image result for ภาพหุ่นยนต์ช่วยมนุษย์ทำงานที่เสี่ยงอันตราย


ภาพหุ่นยนต์ช่วยทำความสะอาด

Image result for ภาพหุ่นยนต์ช่วยทำความสะอาด


ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการและขบวนการทางธุรกิจ
     ➧ ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการด้านการเงิน
     ➧ ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการด้านการผลิต
     ➧ ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการด้านการตลาด
     ➧ ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการด้านทรัพยากรมนุษย์
     ➧ ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการด้านการบัญชี
ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศ
➜ ผลกระทบในทางบวก

Related image     - ช่วยส่งเสริมความสะดวกสบายของมนุษย์
     - ช่วยทำให้การผลิตในอุตสาหกรรมดีขึ้น
     - ช่วยส่งเสริมการค้นคว้าวิจัยใหม่มีความสะดวก
     - ช่วยส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น
     - ช่วยส่งเสริมสติปัญญาของมนุษย์
     - เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยให้เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรือง
     - ช่วยให้เกิดความเข้าใจอันดีระหว่างกัน



➜ ผลกระทบในทางลบ
     - ทำให้เกิดอาชญากรรม
     - ทำให้ความสัมพันธ์ของมนุษย์เสื่อมถ
     - ทำให้เกิดการเสี่ยงภัยทางด้านธุรกิจ
     - ทำให้มีการพัฒนาอาวุธที่มีอำนาจทำลายสูง
     - ทำให้ข้อมูลหรือโปรแกรมถูกทำลายได้       
     - ทำให้เกิดความวิตกกังวล












บทที่7 เรื่องข้อมูลและการจัดการข้อมูล

บทที่7
ข้อมูลและการจัดการข้อมูล
(Data And Data Management)


ความหมายของข้อมูล
⇴ ข้อมูล (Data) คือ ข้อเท็จจริงหรือเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ เช่น คน สถานที่ สิ่งของ ซึ่งเกิดจากการสังเกต การจดบันทึก การสัมภาษณ์ การออกแบบสอบถาม และมีการเก็บรวบรวมไว้ สามารถเรียกข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ในภายหลัง
⇴ ที่สำคัญจะต้องมีความเป็นจริงและต่อเนื่องตัวอย่างของข้อมูล เช่น คะแนนสอบ ชื่อนักเรียน เพศ อายุเป็นต้น
⇴ สารสนเทศ (Information) คือ ข้อมูลที่ได้ผ่านกระบวนการประมวลผลแล้ว อาจใช้วิธีง่ายๆ เช่น หาค่าเฉลี่ยหรือใช้เทคนิคขั้นสูง เช่น การวิจัยดำเนินงาน เป็นต้น
⇴ เพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพข้อมูลทั่วไปให้อยู่ในรูปแบบที่มีความสัมพันธ์หรือมีความเกี่ยวข้องกัน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจหรือตอบปัญหาต่างๆได้
การจัดการข้อมูล

แหล่งข้อมูล
สถานที่หรือแหล่งที่เกิดข้อมูลสามารถแบ่งประเภทตามแหล่งที่มาได้ 2 ประเภทคือ
⇰ แหล่งข้อมูลภายใน
⇰ แหล่งข้อมูลภายนอก
แหล่งข้อมูลภายใน

⇝ แหล่งกำเนิดข้อมูลอยู่ภายในองค์กรทั่วไป เช่น ยอดขายประจำปี ข้อมูลผู้ถือหุ้น รายงานกำไรขาดทุนรายชื่อพนักงาน ฯลฯ
⇝ อาจเป็นข้อมูลที่เปิดเผยได้หรือข้อมูลที่เป็นความลับ เช่น ข้อมูลผลิตภัณฑ์ใหม่ ข้อมูลการทดลอง 
แหล่งข้อมูลภายนอก
⇝ แหล่งกำเนิดที่อยู่ภายนอกองค์กร
⇝ เช่น ข้อมูลลูกค้า เจ้าหนี้ อัตรา ดอกเบี้ยสถาบันการเงิน กฎหมาย และอัตราภาษีของรัฐบาล หรือข้อมูลบริษัทคู่แข่ง
⇝ อาจหาได้จากบริษัทผู้ให้บริการข้อมูล หรือจากหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ หรือสื่ออื่นๆ
คุณสมบัติของข้อมูล
คุณสมบัติพื้นฐานที่ควรมีดังนี้ 
⇛ ความถูกต้อง (Accuracy)
          - ข้อมูลที่ไม่เป็นจริงอาจก่อให้เกิดความเสียหายได้
          - ต้องคัดเลือกข้อมูลที่ถูกต้อง
          - คอมพิวเตอร์ประมวลผลตามข้อมูลที่ได้รับเมื่อป้อนข้อมูลผิดผลลัพธ์ก็ย่อมผิดตามไปด้วย      (Garbage In Garbage Out)
⇛ มีความเป็นปัจจุบัน (Update)
          - ข้อมูลที่ด่ีต้องมีการปรับปรุงแก้ไขใหม่ความเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ
          - เหตุการณ์ต่างๆมักเกิดขึ้นใหม่อยู่ตลอด เช่น จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในสมัยก่อนกับปัจจุบันย่อมไม่เท่ากัน
          - ข้อมูลที่ล้าสมัยหากนำไปใช้ประโยชน์อาจให้ผลลัพธ์ที่คลาดเคลื่อนหรือผิดพลาดได้
⇛ ตรงตามความต้องการ (Relevance)
          -  ข้อมูลที่จะนำมาใช้ต้องสอดคล้องตรงกับความต้องการมากที่สุด
          -  หากไม่สอดคล้องกับความต้องการก็ไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่
          - อาจได้จากการสำรวจหรือออกแบบสอบถาม
⇛ ความสมบูรณ์ (Complete)
          - บางครั้งอาจเก็บรวบรวมข้อมูลมากกว่าหนึ่งครั้งเพื่อให้ได้ข้อมูลที่สมบูรณ์ 
          - เช่น การเก็บข้อมูลเชิงสถิติ หรือวัดค่าเฉลี่ย อาจต้องเก็บทั้งข้อมูลปฐมภูมิ (primary data) และข้อมูลทุติยภูมิ (secondary data)
          - ข้อมูลที่สมบูรณ์อาจต้องคำนึงถึงความครบถ้วนของข้อมูลด้วย เช่น อายุ เพศ การศึกษา ศาสนาเชื้อชาติ ของบุคลากรในบริษัท เป็นต้น
⇛ สามารถตรวจสอบได้ (Verifiable) 
          - ข้อมูลที่ได้จากหลายแหล่งต่างๆ อาจมีทั้งเชื่อถือได้และเชื่อถือไม่ได้
          - จำเป็นต้องตรวจสอบแหล่งที่มาหรือหลักฐานอ้างอิงก่อน
          - ป้องกันข้อมูลที่ไม่เกิดประโยชน์และอาจทำให้เสียหายได้
การแบ่งลำดับชั้นของการจัดการข้อมูล (Hierarchy of Data)

Image result for การแบ่งลำดับชั้นของการจัดการข้อมูล

⧭ บิต (Bit - Binary Digit)
     - ลำดับชั้นของหน่วยข้อมูลที่เล็กที่สุด
     - ข้อมูลที่จะทำงานร่วมกับคอมพิวเตอร์ได้ต้องแปลงให้อยู่ในรูปของเลขฐานสอง
     - เมื่อแปลงแล้วจะได้ตัวเลขแทนสถานะ เปิด และ ปิด ของสัญญาณไฟฟ้าที่เรียกว่าบิตคือบิต0        และบิต 1
⧭ ไบต์ (Byte)
     - นำบิตมารวมกันหลายๆบิตจะได้หน่วยข้อมูลกลุ่มใหม่ที่เรียกว่าไบต์(byte)
     - จำนวนของบิตที่ได้ในแต่ละกลุ่มอาจมีมากบ้างหรือน้อยตามแต่ชนิดของรหัสที่ใช้เก็บ
     - รหัสแอสกี 1 ตัวอักษรหรือ 1 ไบต์ = 8 บิต
     - 10100001 หมายถึง ก         - 10100010 หมายถึง ข
⧭ ฟีลด์หรือเขตของข้อมูล (Field)
     - ประกอบด้วยกลุ่มของตัวอักษรหรือไบต์ตั้งแต่ 1 ตัวขึ้นไปมาประกอบกันเป็นหน่วยข้อมูลที่ใหญ่ขึ้นเพื่อแสดงลักษณะหรือความหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง
     - ยกตัวอย่างเขตข้อมูลเกี่ยวกับพนักงาน เช่น รหัสพนักงาน ชื่อ นามสกุล เงินเดือนตำแหน่ง 
  เรคอร์ด (Record)     
     - กลุ่มของเขตข้อมูลหรือฟีลด์ที่มีความสัมพันธ์กันและนำมาจัดเก็บรวมกันเป็นหน่วยใหม่ที่ใหญ่ขึ้นเพียงหน่วยเดียว
     - ข้อมูลที่จัดเก็บอาจมีหลายเรคอร์ดได้
     - เช่น รายการข้อมูลของพนักงานแต่ละคน รายการของสินค้าแต่ละชิ้น รายการของนักศึกษาแต่ละคน เป็นต้น
⧭ ไฟล์หรือแฟ้มตารางข้อมูล (File)
     - เป็นการนำเอาข้อมูลทั้งหมดหลายๆเรคอร์ดที่ต้องการจัดเก็บมาเรียงอยู่ในรูปแบบของแฟ้มตารางข้อมูลเดียวกัน
     - เช่น แฟ้มตารางข้อมูลเกี่ยวกับคะแนนนักศึกษาวิชาคอมพิวเตอร์
     - เรคอร์ดของนักศึกษาหลายๆคนที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับรหัสนักศึกษา ชื่อ นามสกุล และคะแนนที่ได้ เป็นต้น
แฟ้มตารางข้อมูลคะแนนนักศึกษาวิชาคอมพิวเตอร์

Image result for แฟ้มตารางข้อมูลคะแนนักศึกษาวิชาคอมพิวเตอร์
⧭ ฐานข้อมูล (Database)
     - การรวมเอาแฟ้มตารางข้อมูลหลายๆแฟ้มที่มีความสัมพันธ์กันมาเก็บรวมไว้ที่เดียว
     - มีการเก็บคำอธิบายโครงสร้างฐานข้อมูลหรือเรียกว่า พจนานุกรม ข้อมูล (datadictionary)ไว้ เพื่อช่วยในการประมวลผล
โครงสร้างของฐานข้อมูล 

Image result for โครงสร้างของฐานข้อมูล
⧪ ตัวอย่างฐานข้อมูล
     - ฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์
           จัดเก็บข้อมูลที่เกี่ยวกับประชากรในประเทศไทยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลการเกิด การตาย การย้าย หรือเปลี่ยนแปลงที่อยู่ รวมทั้งข้อมูลคู่อื่นๆเช่น ข้อมูลคู่สมรส บุตร เป็นต้น ข้อมูลเหล่านี้ถูกจัดเก็บไว้ในหน่วยงานกลางเช่น กระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ผู้ที่ต้องการใช้เรียกใช้ได้โดยง่าย เช่น นำมาใช้ในการเก็บภาษี การลงคะแนนเสียงเพื่อเลือกผู้แทน การทำ Pass port
     - ฐานข้อมูลทะเบียนนักศึกษา
           จัดเก็บข้อมูลที่เกี่ยวกับประวัตินักศึกษา ผลการเรียน ความประพฤติ รวมถึงข้อมูลทางบ้านของนักศึกษา ซึ่งสามารถตรวจสอบ ติดตาม หรือเรียกใช้ข้อมูลต่างๆได้ เช่น นักศึกษาสามารถเรียกดูรายวิชา เพื่อลงทะเบียนนักศึกษาหรืออาจารย์เรียกดูผลการเรียนในภาคการศึกษปัจจุบันหรือก่อนหน้านั้น สำนักพัฒนานักศึกษาสามารถติดตามประวัติ ความประพฤติ กิจกรรมต่างๆได้
     - ฐานข้อมูลบุคลากร
           จัดเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพนักงานทั้งหมดในองค์กร เช่นประวัติส่วนตัว ประวัติการทำงานประวัติการศึกษา คู่สมรส บุตร สุขภาพความเจ็บป่วย เป็นต้น แผนกทรัพยากร บุคคลสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ในการวางแผนและพัฒนาบุคคลกรให้ตรงตามเป้าหมายที่องค์กรณ์ต้องการได้ หรือพิจารณา เงินเดือน การปรับเลื่อนตำแหน่ง หรือจัดสวัสดิการต่างๆ
การจัดโครงสร้างของแฟ้มข้อมูล (File Organization) 
⧫ โครงสร้างของแฟ้มข้อมูล
     - เป็นวิธีการกำหนดโครงสร้างเพื่อจัดเก็บข้อมูลไวในแฟ้มบนสื่อบันทึกข้อมูลสำรอง
     - เพื่อให้การจัดเก็บและเข้าถึงข้อมูล มีความรวดเร็ว ถูกต้อง และเหมาะสม กับความต้องการ
⧫ แฟ้มข้อมูลกับระบบฐานข้อมูล (File Processing Versus Database Systems) 
     - การประมวลผลแบบแฟ้มข้อมูล (File Processing)
     - ต่างแผนกต่างแยกจัดเก็บ
     - ข้อมูลเกิดการซ้ำซ้อน (data redundancy )
     - ระบบฐานข้อมูล (Database Systems)
     - แก้ปัญหาความซ้ำซ้อนกันของข้อมูลจากเหตุผลข้างต้น
     - จัดเก็บรวบรวมแฟ้มข้อมูลท่ี่สัมพันธ์กันมาจัดเรียงรวมกันเสียใหม่อย่างเป็นระเบียบ
     - สะดวกต่อการค้นหาและเรียกใช้ข้อมูลร่วมกัน
แนวคิดของการใช้ฐานข้อมูล

Image result for แนวคิดของการใช้ฐานข้อมูล
🔼 ลดความซ้ำซ้อนกันของข้อมูล (Reduced data redundancy)
     - หน่วยงานที่จัดเก็บข้อมูลแยกกันหลายที่อาจมีข้อมูลบางส่วนที่ซ้ำซ้อนกัน (data redundancy)
     - เช่น ฝ่ายการเงินกับฝ่ายการขายต่างเก็บข้อมูลลูกค้าไว้ที่ฝ่ายของตนเอง เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ของลูกค้าต้องตามไปแก้ไขแฟ้มที่เก็บข้อมูลของทั้งสองฝ่าย
     - ฐานข้อมูลช่วยลดความซ้ำซ้อนกันของข้อมูลได้เพราะจะถูกจัดเก็บไว้ในที่เดียวกัน จึงง่ายต่อการแก้ไขด้วย
🔼 ลดความขัดแย้งของข้อมูล (Reduced data inconsistency)
     - ข้อมูลที่เป็นชุดเดียวกันแต่มีค่าต่างกันถือว่าเป็นความขัดแย้งกันของข้อมูล
     - เช่นปัญหาเรื่องที่อยู่ลูกค้าหากแก้ไขแค่ฝ่ายขายแต่ฝ่ายการเงินไม่ได้ทำตามข้อมูลที่อยู่ลูกค้าจึงขัดแย้งกัน
     - การใช้ฐานข้อมูลนั้น เมื่อมีการแก้ไขในที่หนึ่งข้อมูลอีกที่หนึ่งจะถูกเปลี่ยนไปด้วย
🔼 การรักษาความคงสภาพของข้อมูล (Improved data integrity)
     - ความคงสภาพของข้อมูล (data integrity) คือ ความถูกต้องความสอดคล้อง ความสมเหตุสมผลของข้อมูลที่อยู่ในฐานข้อมูล
     - เราสามารถกำหนดชนิดหรือความยาวของข้อมูลในฐานข้อมูลได้ถ้าผิดแปลกออกไปจะไม่สามารถป้อนเข้ามาได้ข้อมูลจึงมีความถูกต้องตามโครงสร้างอยู่เสมอ
🔼 ใช้ข้อมูลร่วมกันได้ (Shared data)
     - แต่ละฝ่ายในองค์กรสามารถที่จะเรียกใช้ข้อมูลระหว่างกันได้
     - เช่น ฝ่ายการเงินต้องการข้อมูลเกี่ยวกับแฟ้มข้อมูลลูกค้าสามารถดึงมาจากระบบฐานข้อมูลที่เดียวกันได้
     - ฝ่ายบริหารต้องการข้อมูลเกี่ยวกับแฟ้มข้อมูลพนักงานเพื่อดูประวัติการทำงานก็สามารถเรียกใช้ร่วมกันได้ เป็นต้น
🔼 ง่ายต่อการเข้าถึงข้อมูล (Easier access)
      - ฐานข้อมูลช่วยให้การเข้าถึงข้อมูลง่ายขึ้น เพราะมีกลไกในการเข้าถึงข้อมูลที่เป็นแบบเดียวกัน
      - เช่น คำสั่งเรียกค้นข้อมูลภาษา SQL (Structure Query Language) ในระบบการจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์หรือ RDBMS
RDBMS =Relational Database Manament System
🔼 ลดระยะเวลาการพัฒนาระบบงาน (Reduced development time)
     - นักพัฒนาระบบทำงานได้เร็วขึ้นเพราะฐานข้อมูลช่วยลดปัญหาด้านความซ้ำซ้อน ความขัดแย้งและความคงสภาพของข้อมูลได้
     - ช่วงเวลาการบำรุงรักษาโปรแกรม (program maintenance) ลดลง
เครื่องมือสำหรับจัดการฐานข้อมูล (DBMS)


🔜 ลักษณะของ DBMS
     - ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องทราบถึงโครงสร้างทางกายภาพของข้อมูลในระดับที่ลึกมาก
     - สามารถกำหนดโครงสร้างและดูแลรักษาฐานข้อมูลได้
     - ควบคุมการเข้าถึงของข้อมูลตามระดับการใช้งานที่ต้องการ
     - อาศัยส่วนของภาษาที่จัดการกับข้อมูลโดยเฉพาะเรียกว่า ภาษาคิวรี่ (query language)
ตัวอย่างโปรแกรม Microsoft Access

Image result for ตัวอย่างโปรแกรม Microsoft Access
ภาษาคิวรี่ (Query Language)
     ⭃ ภาษาที่ใช้สำหรับสอบถามหรือจัดการกับข้อมูลโดยเฉพาะ
     ⭃ ภาษาที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ ภาษา SQL(Structure Query Language)
     ⭃ องค์กร ANSI ได้ประกาศให้ SQL เป็นภาษามาตรฐานสำหรับระบบการจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (RDBMS)
ตัวอย่างคำสั่ง 
     - DELETE ใช้สำหรับลบข้อมูลหรือลบเรคอร์ดใดๆในฐานข้อมูล 
     - INSERT ใช้สำหรับเพิ่มข้อมูลหรือเพิ่มเรคอร์ดใดๆเข้าไปในฐานข้อมูล
     - SELECT ใช้สำหรับเลือกข้อมูลหรือเลือกเรคอร์ดใดๆที่ต้องการจากฐานข้อมูล
     - UPDATE ใช้สำหรับแก้ไขข้อมูลหรือแก้ไขเรคอร์ดใดๆในฐานข้อมูล
ความสามารถโดยทั่วไปของระบบการจัดการฐานข้อมูล

Image result for ความสามารถโดยทั่วไปของระบบการจัดการฐานข้อมูล
⏩ สร้างฐานข้อมูล (create database)
     - วิเคราะห์และออกแบบข้อมูลก่อนสร้างฐานข้อมูลจริง
     - ระบบ DBMS ทั่วไป มีเครื่องมือช่วยสร้างอยู่ในโปรแกรม
     - อาศัยภาษา SQL ในการสั่งงาน เช่น สร้างฟีลด์หรือตาราง เป็นต้น
⏩ เพิ่ม เปลี่ยนแปลงและลบข้อมูล (add, change, and delete data)
     - สามารถเพิ่มค่ารายการในฐานข้อมูลได้ทุกเมื่อ เช่น เพิ่มค่าเรคอร์ด บางเรคอร์ดที่ตกหล่นในการบันทึกข้อมูล
     - ข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลง เช่น ที่อยู่ลูกค้าเปลี่ยนหรือเบอร์โทรศัพท์ถูก ยกเลิก ก็สามารถแก้ไขได้
     - ข้อมูลที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ เช่น เรคอร์ดของนักศึกษาบางคนที่ ลาออกไป อาจลบออกไปได้เช่นกัน
⏩ จัดเรียงและค้นหาข้อมูล (sort and retrieve data)
     - DBMS มีคุณสมบัติที่ช่วยให้การเรียกค้นดูข้อมูลง่ายและสะดวก
     - สามารถจัดเรียงข้อมูลและเลือกได้ว่าจะให้ DBMS จัดเรียงแบบใดมาก ไปน้อย หรือ เรียงตามลำดับเวลา
     - การค้นหาข้อมูลที่มีอยู่มากสามารถระบุค่าเพียงบางส่วนให้ค้นหาได้
⏩ สร้างรูปแบบและรายงาน (creat form and report)
     - สามารถสร้างรูปแบบการแสดงผลบนหน้าจอ (form)
     - พิมพ์ผลลัพธ์รายการออกมาเป็นรายงาน (report)
     - ช่วยในเรื่องของการตัดสินใจและการวิเคราะห์ข้อมูล



                    











บทที่6 เรื่องระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น

บทที่6
การสื่อสารข้อมูลระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น

วัตถุประสงค์
1. บอกความหมายของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้
2. อธิบายความแตกต่างของสายสัญญาณแต่ละชนิดได้
3. บอกประโยชน์และโครงสร้างของระบบเครือข่ายได้
4. อธิบายประเภทและรูปแบบของระบบเครือข่ายได้
5. อธิบายลักษณะการทำงานของคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายได้
การสื่อสารข้อมูล

เริ่มต้นของยุคสื่อสารเมื่อประมาณพ.ศ.2513-2515 การติดต่อสื่อสารข้อมูลสมัยใหม่นี้ ใช้เชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์กับคอมพิวเตอร์ และความต้องการในการติดต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์หลายเครื่องใน
เวลาเดียวกันก็มีมากขึ้น หรือที่เรียกว่าระบบเครือข่าย(networksystem)
ระบบเครือข่าย (network system) หมายถึง ระบบที่เชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่มีความสามารถในการรับ-ส่งข้อมูลตั้งแต่สองตัวขึ้นไปเข้าด้วยกัน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างกัน
วัตถุประสงค์ของการใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์
⏩ ใช้ทรัพยากรร่วมกัน
⏩ ใช้ข้อมูลในไฟล์ร่วมกัน
⏩ ความง่ายในการดูแลระบบ
องค์ประกอบของการสื่อสารข้อมูล สามารถแบ่งออกเป็น5องค์ประกอบ

➤ ผู้ส่ง (Sender)
➤ ผู้รับ (Deceiver)
➤ ข่าวสารหรือข้อมูล (Message)
➤ สื่อกลาง (Media)
➤ โปรโตคอล (Protocol)
การสื่อสารข้อมูล
    การเชื่อมต่อการสื่อสารข้อมูลผ่านเครือข่ายท้องถิ่น (LAN) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน รวมถึงร่วมกันใช้ทรัพยากรอื่นๆ เช่น เครื่องพริ้นเตอร์ เครื่องสแกนเนอร์ เป็นต้น
    การเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ โดยผ่านสื่อกลางไร้สาย ด้วยอุปกรณ์ส่ง-รับข้อมูล เช่น จานไมโครเวฟ เครื่องรับ-ส่งคลื่นวิทยุ จานดาวเทียม เป็นต้น

ชนิดของสัญญาณและทิศทาง
วิธีการถ่ายโอนข้อมูล
1. ถ่ายโอนข้อมูลแบบขนาน
ข้อดี : สามารถส่งข้อมูลได้รวดเร็ว เนื่องจากทำการส่งข้อมูลพร้อมกันได้ครั้งละหลายๆบิต
ข้อเสีย : จำนวนสายส่งข้อมูลที่ใช้ต้องมีเท่ากับจำนวนบิตที่ส่ง ทำให้ต้องมีค่าใช้จ่ายสูงตามไปด้วย นิยมใช้กับการส่งข้อมูลระยะใกล้ๆ








2. การถ่ายโอนข้อมูลแบบอนุกรม
สามารถส่งข้อมูลได้ครั้งละบิตโดยจะส่งผ่านไปตามสายส่งเรียงลำดับตามกันไปและจะใช้สายส่งเพียงเส้นเดียวจึงทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในกาส่งและนิยมส่งในระยะทางไกลๆแต่ความเร็วในการส่งจะน้อยกว่าแบบขนาน


การติดต่อแบบอนุกรมอาจแบ่งตามรูปแบบการรับ-ส่งได้3แบบ
การสื่อการแบบทางเดียว (Simplex) 










- ข้อมูลจะถูกส่งไปในทิศทางเดียวเท่านั้น
-โดยผู้ส่งจะสามารถส่งข้อมูลไปให้ผู้รับได้อย่างเดียว
- ส่วนผู้รับจะไม่โต้ตอบกลับมาได้
- เช่น วิทยุ, โทรทัศน์ เป็นต้น
การสื่อสารแบบสองทางครึ่งอัตรา (Half-Duplex)

     ข้อมูลสามารถส่งได้ทั้งสองทิศทาง แต่จะต้องผลัดกันส่งครั้งละทิศทางเดียวเท่านั้น นั่นคือผู้ส่งและผู้รับสามารถทำหน้าที่ได้ทั้งส่งและรับข้อมูล แต่ไม่สามารถทำได้ในเวลาเดียวกัน เช่น วิทยุสื่อสารของตำรวจ, กระดานสนทนา (Webboard) เป็นต้น

การสื่อสารแบบสองทางเต็มอัตรา (Full-Duplex)

    ข้อมูลสามารถส่งได้ทั้งสองทิศทางพร้อมกัน โดยผู้ส่งและผู้รับสามารถทำหน้าที่ทั้งส่งและรับข้อมูลพร้อมกัน เช่น โทรศัพท์, การUpload ข้อมูลพร้อมๆกันในอินเตอร์เน็ต, การสนทนาแบบ Chat Roomเป็นต้น
ชนิดของสัญญาณที่ใช้ในการสื่อสารข้อมูล
การส่งสัญญาณแบบอะนาล็อค (Analog Signal)

Image result for สัญญาณแบบอนาล็อก  เป็นสัญญาณที่มีค่าต่อเนื่องอยู่ในรูปแบบของคลื่น ซึ่งจะถูกส่งไปในรูปของสัญญาณไฟฟ้ามีการแปลงระดับสัญญาณขึ้น-ลงตามขนาของสัญญาณ (Amplitude) และมีความถี่ (Frequency)
➨ โมเด็ม (MODEM หรือ MOdulator-DEModulator)เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่แปลงสัญญาณดิจิตอลให้เป็นสัญญาณอะนาล็อคและในทางกลับกันก็แปลงสัญญาณอะนาล็อคให้เป็นสัญญาณดิจิตอลโดยโมเด็มจะเป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์กับช่องทางการสื่อสาร

ประเภทของโมเด็ม แบ่งออกได้เป็น2ประเภท คือ
     1. โมเด็มชนิดภายนอก (External Modem)
     2. โมเด็มชนิดภายใน  (Internal Modem)




➨ การส่งสัญญาณแบบดิจิตอล (Digital Signal)
Image result for (Digital Signal)

เป็นสัญญาณที่มีค่าเปลี่ยนแปลซึ่งจะถูกกำหนดค่าเป็น''0''''1''เท่านั้นการเปลี่ยนแปลงของระดับสัญญาณไม่มีความต่อเนื่อง(สูง=1และต่ำ=0)

การประมวลผลกับการสื่อสารข้อมูล
องค์ประกอบพื้นฐานของระบบเครือข่าย
คอมพิวเตอร์
➽ เน็ตเวิร์กการ์ด  (Network Interface Card)
➽ สื่อกลางหรือช่องทางในการสื่อสารข้อมูล (Medium)
➽ โปรโตคอล (Protocol)
ลักษณะการประมวลผลข้อมูล
ระบบการประมวลผลข้อมูลแบบมีศูนย์กลาง
     ⧭ การประมวลผลข้อมูลทั้งหมดจะเกิดขึ้นที่เครื่องหลักเพียงเครื่องเดียว
     ⧭ การประมวลผลทางไกล (Teleprocessing)
ระบบการประมวลผลข้อมูลแบบไคลเอนต์-เซิร์ฟเวอร์
     ⧭ แบ่งการประมวลผลมาทำงานที่เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC)
     ⧭ PC ติดต่อและรับ้อมูลจาก Server มาแสดงผล
     ⧭ รับทำหน้าในส่วนของการโต้ตอบและรับข้อมูลจากผู้ใช้ช่วย
ระบบการประมวลผลข้อมูลแบบกระจาย
   ⧭ มีกระจายภาระการประมวลผลไปยังเครื่องต่าง ที่เชื่อมต่อกันอยู่เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และนำผลลัพธ์ที่ได้มารวมกัน ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวม
     ⧭ ลดจำนวนข้อมูลที่ส่งผ่านเครือข่าย
ระบบประมวลผลแบบมีศูนย์กลาง



Related image

ระบบการประมวลผลแบบ Client - server


Related image


ระบบการประมวลผลแบบกระจาย

Image result for ระบบการประมวลผลแบบกระจาย


เน็ตเวิร์กการ์ดหรือNIC(Network Interface Card)
     เป็นอุปกรณ์ที่ถูกติดตั้งในคอมพิวเตอร์เพื่อเชื่อมกับเคเบิ้ลในระบบเน็ตเวิร์ก ทำหน้าที่ รับและส่งข้อมูลจากคอมพิวเตอร์กับเน็ตเวิร์กโดยผ่านสายเคเบิ้ลจะแปลงสัญญาณที่ได้รับจากเคเบิ้ลให้เป็นข้อมูลที่คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้และแปลงสัญญาณจากคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในรูปแบบที่สามารถเดินทางไปในสายเคเบิ้ลได้
เน็ตเวิร์กการ์ด PCI 

Image result for เน็ตเวิร์กการ์ด PCI
สื่อกลางหรือช่องทางในการสื่อสารข้อมูล
สื่อกลางประเภทมีสาย
   ⧬ สายคู่บิดเกลียว (twisted pair)
   ⧬ สายโคแอกเชียล (coaxial)
   ⧬ เส้นใยนำแสง (fiber optic)
สื่อกลางประเภทไร้สาย
   ⧬ ไมโครเวฟ (micro wave)
   ⧬ ดาวเทียม  (satellite)
สื่อกลางประเภทมีสาย
   สายคู่บิดเกลียว (twisted pair)
      แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้ 
1. สาย UTP : (Unshielded Twisted-Pair) 
     ⧪มีราคาถูกที่สุด ประกอบด้วยลวดทองแดงที่มีฉนวนพลาสติกหุ้มสองเส้นนำมาพันกันเป็นเกลียวทำให้สามารถลดเสียงรบกวนจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้าได้ และส่งสัญญาณได้ไม่เกิน100เมตร เช่นสายโทรศัพท์, สายLAN
2. สาย STP : (shielded Twisted-Pair) 
⧪ เป็นสายคู่ตีเกลียวที่มีฉนวนโลหะลักษณะเป็นโลหะบางๆ ซึ่งช่วยป้องกันการรบกวนสัญญาณจากภายนอกได้ดีกว่าสายUTP ในระยะทางประมาณ100เมตรเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยยืดหยุ่นในการใช้สายเนื่องจากมีขนาดใหญ่ ติดตั้งยากพอสมควร และราคารแพงกว่าแบบUTPจึงไม่ค่อยเป็นที่นิยม
สายโคแอกเชียล(Coaxial)
- เป็นสายเส้นกลม มีไส้กลางเป็นทองแดงหุ้มด้วยพลาสติก ชั้นถัด
มาประกอบด้วยโลหะฟอยด์ที่ทอมาหุ้มเพื่อป้องกันสัญญาณรบกววชั้นนอกหุ้มพลาสติกอีกชั้น
- สามารถทนต่อสัญญาณการรบกวนของสัญญาณภายนอกได้ดี
กว่าแบบสายคู่บิดเกลียว ( Twisted Pair ) แต่มีความนิยมใช้งานน้อย
กว่าแบบ Twisted Pair และราคาแพงกว่า เช่น สายเคเบิลทีวี

เส้นใยนำแสง (fiber optic)

Image result for เส้นใยนำแสง⧪ ประกอบด้วยส่วนกลางที่ทำด้วยแก้ว แท่งแก้วหรือพลาสติก ซึ่งถูกล้อมรอบด้วยเส้นใย แล้วมีพลาสติกหุ้มชั้นนอกสุดเพื่อป้องกันการสูญหายของสัญญาณ
⧪ จะนำส่งสัญญาณโดยใช้แสง โดยจะเปลี่ยนจากสัญญาณไฟฟ้าให้เป็นแสง
⧪ สัญญาณต่างๆภายนอกไม่สามารถรบกวนได้เลย ในขณะที่สายอื่นๆสัญญาณจะอ่อนลงเรื่อยๆ เมื่อมีระยะทางไกลขึ้น ราคาจะสูงมาก
⧪ ยากต่อการติดตั้งและดูแลรักษา ถ้าเกิดเสียหายหรือหัก การซ่อมแซมทำได้ลำบาก
⧪ สามารถส่งสัญญาณได้ทิศทางเดียว ดังนั้นในการติดตั้งจึงมี2เส้นคู่กัน รับ1เส้นส่ง1เส้น สามารถส่งข้อมูลได้100Mbps จึงกระทั่งถึง2Gbps ขึ้นอยู่กับชนิดของใยแก้วนำแสง
⧪ ดังนั้นจึงเหมาะกับเน็ตเวิร์กที่ต้องการความปลอดภัยสูง และมีการส่งข้อมูลเป็นจำนวนมากและเป็นระยะทางไกล
สื่อกลางประเภทไร้สาย
ไมโครเวฟ (Micro Wave)

Image result for ไมโครเวฟ (Micro Wave)
⧪ ส่งสัญญาณเป็นทอดๆ จากสถานีหนึ่งไปยังอีกสถานีหนึ่ง
⧪ สถานีต้องตั้งอยู่ในที่สูง เช่น บนตึกสูง, บนภูเขาสูง เป็นต้น เพื่อช่วยให้ส่งสัญญาณไปได้ไกลและลดจำนวนของสถานีส่ง
⧪ ครอบคลุมพื้นที่รับสัญญาณได้ประมาณ25-30ไมล์
ข้อดี  
⧪ ประหยัดค่าใช้จ่าย
⧪ สามารถส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูง
ข้อเสีย
⧪ มีไม่มีสิ่งใดมาขีดขวางทางสัญญาณ
⧪ สัญญาณถูกรบกวนหรือแทรกแซงได้ง่าย
⧪ ถูกดักจับสัญญาณได้ง่าย
ดาวเทียม (Satellite)
ข้อดี
⧪ ส่งข้อมูลได้ปริมาณมากและมีความเร็วสู
ข้อเสีย
⧪ ค่าใช้จ่ายสูงมาก
⧪ ถูกดักจับสัญญาณได้ง่ายเช่นกัน

Image result for ดาวเทียม (Satellite)
โปรโตคอล
มาตรฐานของโปรโตคอล
- TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet Protocol)
🔺 เป็นโปโตคอลที่ใช้ในการสื่อสารผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
🔺 เพื่อให้สามารถสื่อสารจากต้นทางไปยังปลายทางได้
🔺 สามารถค้นหาเส้นทางสื่อสารได้เองโดยอัตโนมัติ
IP Addressing
IP Address (หมายเลขไอพี) คือเลขที่บอกที่อยู่เฉพาะของโหนดหรือโฮสต์ที่อยู่ในเครือข่าย รวมถึงคอมพิวเตอร์และเราท์เตอร์ด้วย หมายเลขนี้จะเป็นที่อยู่ในLayer 3 ซึ่งหมายเลขในเครือข่ายเดียวกันต้องไม่ซ้ำกัน อย่างไรก็ตามโฮสต์หนึ่งอาจจะมีหมายเลขไอพีได้มากกว่าหนึ่งเลขก็ได้
IP Address แบ่งออกเป็น2ส่วน คือ 
Netid = หมายเลขเครือข่าย
Hostid = หมายเลขเครื่องคอมพิวเตอร์
IP address/In Decimal Notation

Related image   ปัจจุบันโปรโตคอล IP ที่ใช้งานอยู่ในเครือข่ายจะเป็นVersion 4 หรือเรียกสั้นๆว่า“IPV4” ซึ่งจะมีขนาด32บิต







Internet Class แบ่งออกเป็ น 5 ระดับชั้น (Class)

Image result for Internet Class แบ่งออกเป็ น 5 ระดับชั้น (Class)
การทำงานภายใน IP Address ยังมีการแบ่งออกเป็นระดับชั้น (Class) ต่างๆ5 Class คือ Class A, B, C, D และ E 
⧭ Class A : หมายเลขของ IP Address เริ่มตั้งแต่0.0.0.0-127.255.255.255 ซึ่งเหมาะสมสำหรับเครือข่ายที่มีขนาดใหญ่เนื่องจากสามารถรองรับจะมีเครือข่ายได้126เน็ตเวิร์คและในแต่ละเครือข่ายสามารถมีเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ประมาณ 16 ล้านเครื่อง ตัวอย่างเช่น ค่า IP Address ของ Class A เป็น 120.25.2.3หมายถึงเครือข่าย120หมายเลขเครื่อง 25.2.3
⧭ Class B : หมายเลขของ IP Address เริ่มตั้งแต่128.0.0.0-191.255.255.255 จะมีเครือข่ายขนาด 16384
เน็ตเวิร์คและจำนวนเครื่องลูกข่ายในเครือข่ายได ้64,516 เครื่อง ตัวอย่าง เช่น ค่า IP Address ของ Class
B เป็น 145.147.45.2 หมายถึงเครือข่าย145.147 หมายเลขเครื่อง 45.2
⧭ Class C : หมายเลขของ IP Address เริ่มตั้งแต่192.0.0.0-223.255.255.255 จะมีจำนวนเครือข่ายขนาด2M+ เน็ตเวิร์คและเครื่องลูกข่ายในแต่ละเครือข่ายได้ประมาณ 254 เครื่อง ตัวอย่าง เช่น ค่า IPAddress ของ Class C เป็น 202.28.10.5 หมายถีง หมายเลขเครือข่าย 202.28.10 หมายเลขเครื่อง 5
⧭ Class D : เป็นการสำรองหมายเลข IP Address ช่วง224.0.0.0-239.255.255.255 สำหรับการส่งข้อมูลแบบ Multicast ซ่ึ่งจะไม่มีการแจกจ่ายใช้งานทั่วไปสำหรับบุคคลทั่วไป
⧭ Class E : เป็นการสำรองหมายเลข IP Address หรือสงวนไว้ใช้ในอนาคตช่วง 240.0.0.0-255.255.255.255 สำหรับการทดสอบและพัฒนา
Class Range

Image result for Class Range
ระบบปฏิบัติการเครือข่าย
บริการหลักของ  (NOS: Network Operating System)
🔼 บริการจัดเก็บไฟล์และการพิมพ์ (File and Print Services)
🔼 บริการดูแลและจัดการระบบ (Management Services)
🔼 บริการรักษาความปลอดภัย (Security Services)
🔼 บริการอินเตอร์เน็ตและอินทราเน็ต (Internet/Intranet Services)
🔼 บริการมัลติโพรเซสซิ่งและคลัสเตอริ่ง (Multiprocessing & Clustering Services)  (รองรับ CPU ได้มากกว่า1ตัวและทำให้ server หลายๆเครื่องทำงานพร้อมกัน )
รูปแบบของระบบเครือข่าย (Network Topologies) 
การเชื่อมโยงเครือข่ายระบบ LAN สามารถแบ่งออกเป็น3แบบ คือ 
1. โทโปโลยีแบบรูปดาว(The Star Topology)
2. โทโปโลยีแบบบัส (The Bus Topology)
3. โทโปโลยีแบบรูปวงแหวน (The Ring Topology)
โทโปโลยีแบบรูปดาว(The Star Topology) 

Image result for โทโปโลยี ี บบ รูปดาว(The Star Topology)⥁ เป็นการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์แต่ละตัวเข้ากับ Hubซึ่งคอยเป็นศูนย์กลางในการควบคุมการติดต่อและกระจายสัญญาณข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ในเครือข่ายทั้งหมด





โทโปโลยีแบบบัส (The Bus Topology) 

Image result for โทโปโลยีแบบบัส (The Bus Topology)⥁ โครงสร้างมีการเชื่อมต่อแบบ Multipoint นั่นคือคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ทั้งหมดจะเชื่อมต่อเข้ากับสายสื่อสารหลักเพียงสายเดียวและจะใช้งานสายหลักนี้ร่วมกันในการส่งสัญญาณต่างๆ ซึ่งสายสื่อสาหลักนี้ เรียกว่า backbone
⥁ การเพิ่มหรือลดอุปกรณ์เครือข่ายนั้นจะมีผลกับ backbone





โทโปโลยีแบบรูปวงแหวน (The Ring Topology) 

Image result for โทโปโลยีแบบรูปวงแหวน (The Ring Topology)โครงสร้างแบบนี้ค่อนข้างจะติดตั้งและแก้ไขดัดแปลงง่ายเพราะอุปกรณ์แต่ละตัวจะเชื่อมต่อเฉพาะกับอุปกรณ์ที่อยู่ติดกันเท่านั้นดังนั้นการเพิ่มหรือลดอุปกรณ์ก็ไม่กระทบกับทั้งเครือข่าย








อุปกรณ์เครือข่าย
1. เกตเวย์(Gateway)

Image result for เกตเวย์(Gateway)⤞ ทำหน้าที่เชื่อมต่อและแปลงข้อมูลระหว่างเครือข่ายที่ต่างกันทั้งในส่วนของโปรโตคอลและสถาปัตยกรรม
⤞ เช่น เครือข่ายที่เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล(Personal Computer)อาจเชื่อมต่อกับระบบเมนเฟรม (Mainrrame)
⤞ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและขยายเครือข่ายให้มีขนาดใหญ่




2. รีพีตเตอร์(Repeater)

Image result for รีพีตเตอร์(Repeater)⤞ มีหน้าที่เป็นอุปกรณ์เชือมต่อสำหรับขยายสัญญาณให้กับเครือข่าย
⤞ ปกติเมื่อสัญญาณถูกส่งออกไปตามสายสื่อสารแรงดันของสัญญาณจะอ่อนกำลังลงเรื่อยๆ เนื่องจากสายมีความต้านทานทำให้ไม่สามารถส่งสัญญาณไปได้ในระยะทางที่ไกล
⤞ ดังนั้น Repeater จะทำหน้าที่ขยายแรงดันของสัญญาณทำให้สัญญาณสามารถถูกส่งผ่านสายสื่อสารไปได้ในระยะทางที่ไกลขึ้นแต่เป็นการส่งข้อมูลออกไปโดยไม่สนใจข้อมูลว่าเป็นของเครือข่ายไหน




3.บริดจ์(Bridge) 

Image result for บริดจ์(Bridge)⤞ ทำหน้าที่คล้ายกับ repeater แต่จะมีความฉลาดมากกว่า เพราะ Bridge จะเลือกสรรข้อมูลและส่งต่อเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นของอุปกรณ์เครือข่ายเท่านั้น 
⤞ ทำให้สามารถลดปริมาณการจราจรที่คับคั่งบนเครือข่ายได้ทำให้เครือข่ายมีประสิทธิภาพมากขึ้น
⤞ ใช้เชื่อมเครือข่ายย่อย 2 เครือข่ายเข้าด้วยกัน (อาจเป็ นเครือข่ายประเภทเดียวกันหรือต่างประเภทกันก็ได้


4. ฮับ (Hub)


Image result for ฮับ (Hub)⤞ เป็นอุปกรณ์หลกัของเครือข่ายที่มีโครงสร้างแบบดาว (Star Topology) ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ในเครือข่าย
⤞ ทำหน้าที่กระจายสัญญาณส่งต่อไปให้คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับ Hubอยู่
⤞ การนำHubมาเพิ่มในระบบเครือข่ายทำให้สามารถเพิ่มจำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายได้ซึ่งเป็นวิธีขยายเครือข่ายที่นิยมมากที่สุดวิธีหนึ่ง

5. สวิตซ์(Switch) 

Image result for สวิตซ์(Switch)⤞ นิยมเรียกว่าอีเธอร์เนตสวิตซ์ (Ethernet Switch) จะเป็นบริดจ์แบบหลายช่องทาง (Multiport Bridge) ที่นิยมใช้ในระบบเครือข่าย LAN แบบ Ethernet เพื่อใช้เชื่อมต่อเครือข่ายหลายๆเครือข่าย (Segment) เข้าด้วยกัน
⤞ สวิตซ์จะช่วยลดการจราจรระหว่างเครือข่ายที่ไม่จำเป็น (เลือกส่งข้อมูลถึงผู้รับเท่าที่จำเป็นเท่านั้น)และเนื่องจากการเชื่อมต่อแต่ละช่องทางกระทำอยู่ภายในตัวสวิตซ์เองทำให้สามารถทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลในแต่ละเครือข่าย (Switching) ได้อย่างรวดเร็วกว่าการใช้บริดจ์จำนวนหลายๆตัวเชื่อมต่อกัน
⤞ นอกจากนี้สวิตซ์ยังสามารถใช้เชื่อมเครื่องคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียวเข้ากับตัวสวิตซ์ซึ่งจะทำให้เครื่องๆนั้นสามารถติดต่อกับเซิร์ฟเวอร์ด้วยความเร็วเต็มความสามารถของช่องทางการสื่อสารข้อมูลกับ
เครื่องอื่นๆเลย

6. เราเตอร์(Router)

Image result for เราเตอร์(Router)⤞ เป็นอุปกรณ์เชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายหลายๆเครือข่ายซึ่งมีความสามารถในการจัดการเครือข่ายที่ซับซ้อนได้
⤞ สามารถทำการกรองข้อมูลที่ระบุไว้ว่าให ้ผ่านไปได้เท่านั้นทำให้ลดปัญหาการจราจรที่บังคับบนเครือข่ายและเพิ่มระดับความปลอดภัยของข้อมูลในเครือข่าย (ป้องกันการ broadcast packet จากเครื่องหนึ่งไม่ให้ข้ามมายังอีกเครื่องหนึ่ง )
⤞ นอกจากนี้ Router ยังมีความฉลาดในการค้นหาและตัดสินใจเลือกเส้นทางในการส่งข้อมูลที่เหมาะสมและดีที่สุดได้โดยอัตโนมัติ
ประเภทของระบบเครือข่าย
สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทด้วยกัน คือ
1. ระบบเครือข่ายท้องถิ่น (Local Area Network : LAN) 
2. ระบบเครือข่ายระดับเมือง (Metropolitan Area Network : MAN)
3. ระบบเครือข่ายระดับประเทศ (Wide Area Network : WAN)
1. ระบบเครือข่ายท้องถิ่น (Local Area Network : LAN)  

Image result for ระบบเครือข่ายท้องถิ่น (Local Area Network : LAN)⤔ เป็นเครือข่ายสื่อสารในระยะใกล้ซึ่งครอบคลุมพื้นที่บริเวณเดียวกันหรือใกล้เคียงกันที่มีระยะทางไม่เกิน 1ไมล์
⤔ โดยอาจการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ต่างๆภายในสำนักงานที่อยู่ในตึกเดียวกันหรือระหว่าตึกที่ใกล้เคียงกันเข้าเป็นเครือข่าย
⤔ เช่น การแชร์ไฟล์ข้อมูลการแชร์ฐานข้อมูลการแชร์เครื่อง Printร่วมกัน เป็นต้น

2. ระบบเครือข่ายระดับเมือง (Metropolitan Area Network : MAN)

Image result for ระบบเครือข่ายท้องถิ่น (Local Area Network : LAN)⤔ เป็นเครือข่ายสื่อสารที่ครอบคลุมพื้นที่ในระยะทางที่ไกลกว่า LAN ซึ่งอาจจะเป็นการเชื่อมต่อกันระหว่างเมืองกับเมืองหรือระหว่างจังหวัดกับจังหวัด
⤔ มักเกิดจากการเชื่อมโยงเครือข่าย LAN ในบริเวณเดียวกันเข้าด้วยกัน
⤔ เช่น เครือข่ายของบริษัทที่ทีสาขาต่างๆอยู่ในแต่ละจังหวัดและการแพร่ภาพข้อมูลด้วยระบบ Cable TV เป็นต้น

3. ระบบเครือข่ายระดับประเทศ (Wide Area Network : WAN)

Image result for ระบบเครือข่ายระดับประเทศ (Wide Area Network : WAN)⤔ เป็นเครือข่ายสื่อสารที่ครอบคลุมพื้นที่ในระยะทางที่ไกลมากในระดับประเทศระดับทวีปหรือทั่วทั้งโลก โดยส่วนมากแล้ว WAN นั้นจะเป็นการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่าย LAN หลายๆเครือข่ายเข้าด้วยกัน
เพื่อทำให้สามารถส่งข้อมูลและใช้ทรัพยากรร่วมกันได้ในระยะทางที่ไกลขึ้น

⤔ สำหรับการเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่าย WAN นั้นอาจจะทำได้โดยผ่านระบบโทรศัพท์สายใยแล้วนำแสง (Fiber Optic) ไมโครเวฟหรือดาวเทียม เป็นต้น